SUZY JONG: Review ชีพจรลงเท้า ตอน ไปโตเกียวเที่ยวอะไรดี...มาลุยกันเลยค่ะ !!

อุตส่าห์มีโอกาสไปญี่ปุ่น 2 สัปดาห์ แต่ด้วยงบประมาณจำกัด ปิมเลยต้องใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียวเกือบตลอดทริป เลยถือโอกาสเก็บภาพมุมโปรดหลายมุมมาฝากค่ะ

ทริปนี้มีโอกาสเก็บภาพวิวในเมืองโตเกียวสวยๆหลายที่ค่ะ เพราะไปหน้าร้อน ทัศนียภาพชัด ถ่ายรูปแสงดีได้ภาพสวย แต่คนถ่ายนี่เหงื่อไหลจะถึงปลายเท้ากันเลยทีเดียวค่ะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงร้อนมาก ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม อุณหภูมิอยู่ประมาณ 35 - 38 องศาเซลเซียส ช่วงนี้เป็นช่วง low season เพราะไม่มีหิมะ ไม่มีซากุระ ไม่มีใบไม้เปลี่ยนสี แต่ฃจะได้ชมเทศกาลดอกไม้ไฟหรือฮานาบิที่จุดกันสองหมื่นดอกยาวนานถึง 1 ชั่วโมงเต็มๆ ตามริมแม่น้ำใหญ่ๆเกือบจะทุกภาคในญี่ปุ่นเลยค่ะ แถมมาช่วงนี้จะเจอเทศกาลงานเซลของหลายๆแบรนด์ เช่น H&M Zara ที่อาจจะหาเสื้อผ้าราคาสองพันบาทได้ในราคาร้อยสองร้อยบาทด้วยนะคะ

Japan

ทริปนี้ปิมเดินทางคนเดียว ต้องการความสะดวกในการเดินทางที่ง่าย พกแค่กระเป๋าสะพายเบาๆ 1 ใบ ก็เลยใช้กล้องมือถือ (Samsung galaxy note4) ถ่ายวิว กับ Xiaomiyi สำหรับถ่ายตัวเองค่ะ ลองไปดูกันค่ะว่าภาพออกมาเป็นยังไงบ้างนะคะ

ออกเดินทางจากไทยตอนเกือบเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ

เวลาที่โตเกียวเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง พอมาถึงพระอาทิตย์ตกดินพร้อมเครื่องลง ได้ช็อตถ่ายภาพที่สวยมากพอดีเลยค่ะ

การเดินทางที่นี่ใช้ Google maps ขึ้นรถไฟไปได้ทั่วโตเกียว ไม่มีหลงแน่นอนค่ะ

(แถมรีวิวการใช้ Google maps เดินทางตามลิงค์นี้นะคะ http://suzyjong.blogspot.com/2015/07/review.html)

บัตร Passmo สำหรับใช้ขึ้นรถไฟ รถบัส ซื้อของในร้านสะดวกซื้อบางร้านค่ะ สามารถพิมพ์ชื่อบนบัตรเป็นของเราได้เลย ถ้าอยากเก็บกลับมาเป็นของที่ระลึกนะคะ

1. Tokyo Sky Tree

เริ่มต้นด้วย Tokyo Sky Tree หนึ่งในแลนมาร์คของโตเกียว แต่ถ่ายจากริมแม่น้ำฝั่งวัดอาสาคุสะ รอจังหวะรถไฟวิ่งผ่านมา แล้วเก็บภาพให้เห็นรถไฟ โตเกียวสกายทรี แล้วก็แม่น้ำสุมิดะค่ะ

แอบแถมเมนูประหยัดที่หากินได้เกือบทุกที่เลยค่ะ ข้าวหน้าเนื้อร้อนๆ หอมๆ

2. Kasai Rinkai Park

ไปต่อกันสบายๆที่อุทยานแห่งชาติ Kasai Rinkai Park ที่เขต Edokawa ค่ะ ที่นี่จะมีชิงช้าขนาดยักษ์ ค่าขึ้น 700 เยน แต่ไม่ได้ขึ้นนะคะ แอบถามมา เค้าบอกว่าจะเห็นวิวทะเลด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และถ้าเดินดูรอบๆอาจจะเจอสัตว์สวยๆ แต่พอดีออกไปเกือบมืดแล้ว เลยได้เห็นแค่ชิงช้านี่แหละค่ะ

3. Akihabara

แหล่งช็อปปิ้งแห่งหนึ่งขาช็อปนิยมแวะมากัน คือ Akihabara ค่ะ ของที่มาซื้อกันที่นี่ก็จะเป็นพวกฟิกเกอร์การ์ตูนสำหรับสาวก กล้อง แล้วก็พวกอุปกรณ์ IT ค่ะ กล้องที่ญี่ปุ่นจะราคาถูกกว่าไทยพอสมควร และถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่มาอยู่ไม่เกิน 3 เดือนจะได้ส่วนลดภาษีร้อยละ 8 บางร้านก็จะมีส่วนลดบัตรวิซ่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 แต่ต้องพก Passport ติดตัวไปซื้อด้วยนะคะ

(สำหรับขาช็อปเครื่องสำอางค์ และรองเท้ากับชุดกีฬาราคาถูก เดินจากอากิฮาบาระไปนิดเดียวก็จะเจอ Ameyoko Market ค่ะ)

ของดังที่ต้องชิมอย่างหนึ่ง คือ Pablo cheese cake ค่ะ มีสาขาที่อากิฮาบาระด้วย เนื้อด้านในจะคล้ายๆทาร์ตไข่แต่จะนุ่มกว่ามาก ตักใส่ปากอมแล้วละลายไปเลยค่ะ

4. Sensoji Temple

ตกดึกก็แอบแว่บไปวัดเซนโซจิหรือที่คนชอบเรียกกันว่าวัดอาสาคุสะค่ะ จริงๆมาตอนกลางวันแล้วรอบหนึ่ง แต่คนเยอะมาก จนยอมถอย แล้วกลับมาใหม่ตอนกลางคืนค่ะ ก็จะได้วิวที่สวยแบบไร้ผู้คนสมใจค่ะ

5. Odaiba

จุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในการมาเที่ยวโตเกียว คือ Odaiba ค่ะ โอไดบะเป็นเกาะแยกออกไปที่ยังอยู่ในเขตของโตเกียว เป็นสถานที่เที่ยวที่วิวสวย จุดถ่ายรูปเยอะ มีห้างให้ช็อปปิ้งหลายห้าง และมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น ส่วนสวนน้ำ ล่องเรือชมวิว หรือขึ้นชิงช้ายักษ์ชมวิวบนเกาะค่ะ

เทพีเสรีภาพญี่ปุ่นก็อยู่ที่เกาะนี้ค่ะ

กันดั้ม โอไดบะ ที่เค้าบอกว่าสร้างจากการประมาณขนาดกันดั้มจริงถ้าวิ่งออกมาจากในการ์ตูนค่ะ

ร้านเบอร์เกอร์เนื้อญี่ปุ่นในศูนย์อาหารใต้ตึก Aqua city ไม่ได้น่ากินแค่หน้าตานะคะ แต่รสชาดดีมาก ดูรูปไปกินนึกถึงรสชาดไป แอบกลืนน้ำลายเบาๆ

6. Tokyo Disneyland

คนญี่ปุ่นเค้าเล่าถึงการเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์เอาไว้ว่า ในช่วงชีวิตเค้าจะมากัน 4 ครั้งเป็นอย่างน้อยค่ะ มากับพ่อแม่ตอนเด็ก มากับเพื่อนวัยรุ่น มากับคู่รัก แล้วก็กลับมาอีกทีตอนมีลูกแล้วพาลูกตัวเองมาเที่ยว

สิ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญของการมาดิสนีย์แลนด์ คือ พาเรด 3 รอบค่ะ จะมีพาเรดช่วงประมาณเที่ยง สี่โมงเย็น และพาเรดกลางคืนซึ่งเป็นพาเรดไฟค่ะ แต่ละช่วงก็จะมีสีสันแตกต่างกัน พาเรดเช้าจะเน้นความครื้นเครงสนุกสนาน พาเรดรอบเย็นจะเป็นการโชว์ตัวละครของดิสนีย์เกือบทั้งหมด ส่วนพาเรดกลางคืนจะเน้นการเล่นแสงสี ซึ่งอันสุดท้ายนี่ถ้าพลาดจะน่าเสียดายมากๆค่ะ

ปราสาทซินเดอเรลล่า ตอนกลางวันจะให้ขึ้นไปชมวิวได้ แค่พอตกกลางคืนจะแปลงร่างกลายเป็นจอแสดงแสงสีตอนกลางคืนค่ะ

เก็บภาพวิดิโอพาเรด 3 รอบและการแสดงกลางคืนมาฝากค่ะ

7. Shibuya

การเที่ยวโตเกียวคงหนีไม่พ้นเรื่องการช็อปปิ้งค่ะ แต่แหล่งช็อปต่างๆก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน อย่างที่ชิบุยะเนี่ย จะให้ความรู้สึกเหมือนเดินแถวสยามค่ะ ที่นี่เหมาะสำหรับมาช็อปปิ้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชันแบรนด์กลางๆและแบรนด์ของญี่ปุ่นเอง ถ้าเป็นแบรนด์เนมหรูก็จะไปอยู่แถว Ginza ค่ะ

แอบแถมแซลมอนย่างเกลือมื้อเย็นมา 1 รูปค่ะ

8. Ueno Park

สวนสาธารณะอุเอโนะ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางกรุงของชาวโตเกียวค่ะ ที่นี่มีลานสำหรับชมซากุระขนาดใหญ่อยู่ด้วย แต่ถ้ามาช่วงที่ต้นไม้เขียวชอุ่มขนาดนี้ก็ต้องพูดถึงจุดสนใจอย่างอื่นค่ะ สวนอุเอโนะนอกจากจะเป็นสวนชมธรรมชาติแล้ว ยังมีสวนสัตว์อุเอโนะ และเป็นย่านที่รวบรวมหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์เอาไว้อีกหลายแห่งค่ะ สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้อย่างอื่นเลยคือการเยี่ยมชมศาลเจ้าทั้ง 4 ของสวนอุเอโนค่ะ

ศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นจะมีบ่อน้ำตรงทางเข้าประตูหรือทางขึ้นศาลค่ะ วิธีการให้ใช้กระบวยตักน้ำ 1 กระบวย แล้วล้างมือซ้าย ล้างมือขวา เทน้ำลงมือซ้ายแล้วบ้วนปาก ถ้าน้ำเหลือให้เทล้างด้ามกระบวยในแนวตั้ง เพื่อล้างส่วนด้ามจับด้วย การที่ล้างมือบ้วนปากที่ศาลเจ้า คนญี่ปุ่นจะถือว่าเป็นการชำระล้างสิ่งที่ทำไม่ดีพูดไม่ดีออกไปค่ะ

เดินข้ามถนนจากสวนไปนิดเดียวก็จะเจอตลาด Ameyoko นะคะ แต่วันนี้มากินเนื้อย่างไม่ได้มาช็อปค่ะ มาญี่ปุ่นสิ่งหนึ่งที่ต้องลองคือเนื้อวากิวย่าง ยังไม่ทันเคี้ยวก็ละลายหายไปพร้อมกับเงินในกระเป๋าเลยค่ะ

วันนี้แอบเดินผ่านร้านขนมญี่ปุ่น เลยได้โมจิมาชิมด้วยค่ะ

9. Imperial Palace

Imperial Palace หรือ ปราสาทเอโดะ ศูนย์กลางการปกครองสมัยเอโดะ ที่เหลือไว้เพียงบางส่วนให้เราเข้าชม

ปราสาทเอโดะมีประตูทางเข้าหลายทางค่ะ แต่ทางที่จะเข้ามาส่วนหน้าปราสาท มีจุดสังเกต คือ Statue of Kusunoki Masashige ถ้าเจอรูปปั้นซามูไรแล้วก็ให้เดินข้ามถนนไปทางฝั่งตรงกันข้ามจะเจอส่วนหน้าของปราสาทค่ะ

พอเข้าส่วนปราสาททาง Otemon gate จะเจอบ้านซามูไรร้อยนายเป็นด่านถัดมา ก่อนจะเข้าสู่ส่วนบ้านซามูไรระดับสูงทีหลัง

สวนทางฝั่งตะวันออกของปราสาท เป็นสวนขนาดใหญ่ มีดอกอะจิไซปลูกอยู่ เปิดอ่านเลยได้ความรู้ใหม่ว่าดอกอะจิไซมีต้นกำเนิดที่ญี่ปุ่น แล้วเผยแพร่ออกไปข้างนอกไปได้ชื่อใหม่ว่าไฮเดรนเยีย

10. Tokyo station

สถานีรถไฟโตเกียว นอกจากจะเป็นชุมสายที่เชื่อมต่อเปลี่ยนสายรถไฟไปหลายแห่งแล้ว ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนที่มาโตเกียวหลายคนแวะผ่านมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักครั้ง

มื้อเย็นวันนี้ได้กินซูชิแล้วค่ะ เข้าร้าน 2 คำ เริ่มต้นที่ 100 เยน รสชาดดี ราคาสบาย แต่กินไปเรื่อยๆก็จะเริ่มไม่สบายนิดนึงค่ะ

11. Meji Jingu

วัดเมจิ สถานชินโตขนาดใหญ่และเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ยังคงมีการจัดงานพิธีสำคัญ เช่น งานแต่งงาน ในวัดแห่งนี้อยู่

วัดเมจิจะอยู่ใกล้กับฮาราจูกุ ซึ่งจะเป็นย่านที่วัยรุ่นมาเดิน มีของให้ช็อปปิ้งและจะเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นแนวๆ เช่น เสื้อผ้าคอสเพลย์ ร้าน J-pop ร้านเครปญี่ปุ่น วันนี้ก็เลยได้กินซอฟครีมซากุซากุโรยด้วยแอลมอนบด เดินมาร้อนๆแล้วเจอแบบนี้ฟินมาก

12. Tokyo Tower

อีกหนึ่งแลนมาร์คของโตเกียวที่นักท่องเที่ยวต้องเฉียดเข้ามาถ่ายรูปสักแฉะเพื่อเป็นหลักฐานว่ามาถึงญี่ปุ่นจริงๆแล้วนะจ๊ะ ไปกลางวันก็จะเห็นโตเกียวทาวเวอร์สีแดงสลับขาว แต่ไปกลางคืนก็จะเห็นโตเกียวทาเวอร์แบบมีแสงสีไปอีกแบบหนึ่งค่ะ

บนโตเกียวทาวเวอร์มีสวนสนุก One piece อยู่ แต่ไม่ได้เข้านะคะ เลยถ่ายรูปตรงทางเข้ามาเฉยๆ

13. Sweets forest

Sweets forest อยู่ที่สถานี Jiyugaoka ค่ะ ที่นี่เป็นเมืองเงียบๆ มีร้านค้าบ้างแต่ไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งที่เมืองนี้พิเศษคือมีร้านขนมหวานเยอะมาก ทั้งขนมเค้ก ไอศกรีม ขนมญี่ปุ่น ร้านหนึ่งที่มีชื่อเสียงคือ Sweets forest ค่ะ จะเป็นร้านที่รวบรวมร้านขนมย่อยๆเอาไว้ให้เลือกเดินกินในห้องแอร์สบายๆ

ถ่ายวิดิโอบรรยากาศมาฝากค่ะ

วันนี้ได้ลองราเมงที่จิยูกาโอกะด้วยค่ะ เส้นเยอะ เครื่องแน่น ตัวพองกันเลยทีเดียว

*อันนี้แถมค่ะ Kawagoe จังหวัด Saitama*

เหลือเวลาก่อนกลับ แล้วเริ่มเบื่อๆโตเกียวแล้ว เลยนั่งรถออกไปจังหวัดไซตามะประมาณ 45 นาทีจากโตเกียว ไปเยี่ยมชมเมืองอนุรักษ์ Kawagoe หรือ Little Edo กันค่ะ บ้านเมืองที่นี่จะคงสภาพแบบเมืองโบราณไว้ เป็นเมืองที่เหมาะกับการมาเดินเล่นถ่ายรูป ชิมอาหาร และซื้อของฝากค่ะ

ความน่ารักของเมืองนี้จะเหมือนคนไทยไปเดินเล่นบรรยากาศย้อนยุคที่เพลินวาน แต่ที่นี่จะพิเศษกว่าตรงที่คนญี่ปุ่นใส่ชุดยูกาตะมาเดินเล่นเข้ากับบรรยากาศเมืองด้วยค่ะ